คู่มือรอมฎอนสำหรับผู้ที่ไม่ใช่ชาวมุสลิม

รอมฎอน ต่างศาสนิก ถือศีลอด

ผู้คนมากกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วโลกจะปฏิบัติตนในช่วงรอมฎอนโดยอดอาหารในช่วงเวลากลางวันตลอดทั้งเดือน

ในเดือนที่เก้าของปฏิทินจันทรคติมุสลิม (16 พ.ค. ถึง 15 มิ.ย. ในปี ค.ศ. 2018) ชาวมุสลิมจะงดเว้นการรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มและเพิ่มการละหมาดและกิจกรรมการกุศล

เดือนศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวนี้ เป็นช่วงเวลาสำหรับการไตร่ตรองด้านจิตวิญญาณ และการอดอาหารในช่วงรอมฎอนนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในห้าเสาหลักของศาสนาอิสลาม

หากคุณสงสัยว่าเหตุใดเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานของคุณ หายตัวไประหว่างพักเที่ยง หรือขยับตัวออกห่างสักหนึ่งเมตรระหว่างที่พูดคุยกับคุณ นั่นอาจจะเป็นเพราะช่วงรอมฎอนก็เป็นได้

คุณจะไม่มีการรับประทานอาหารตลอดเดือนเลยหรือ?

ไม่ใช่เช่นนั้นเลย ทั่วๆ ไปแล้ว เริ่มจากเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก จะไม่มีการรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มใดๆ แม้กระทั่งน้ำ

แม้กระทั่งน้ำ คุณพูดจริงหรือเปล่า?

ใช่ แต่เมื่อพระอาทิตย์ตกลงไปแล้ว ก็สามารถจัดเต็มได้ตามที่สบายใจ

มันยากลำบากไหม?

แน่นอน ว่าคุณจะรู้สึกหิวและคอแห้ง แต่นั่นแหละคือประเด็น

รอมฎอนเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง เพราะสำหรับหลายๆ คนนั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเข้าอกเข้าใจความทุกข์ยากของผู้ที่ด้อยโอกาสกว่า

มีการสนับสนุนให้บริจาคทานแก่ผู้ยากไร้ (เมื่อสิ้นสุดเดือน ชาวมุสลิมจะต้องยกทรัพย์สินส่วนหนึ่งของพวกเขาให้กับผู้ที่ด้วยโอกาสกว่า) เดือนนี้ยังเกี่ยวข้องกับการทำจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์และเป็นโอกาสที่จะผูกพันเข้ากับศาสนาอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับบางคนโดยเฉพาะผู้ซึ่งอยู่ในโลกตะวันตกนั้น ถือว่าเป็นความท้าทายทางจิตใจมากกว่าทางร่างกาย มีการได้เปรียบทางเขตเวลาซึ่งช่วยให้การอดอาหารง่ายดายขึ้นสำหรับชาวออสเตรเลีย ที่จะอดอาหารเพียงแค่ประมาณ 10 ชั่วโมง หากเทียบกับชาวยุโรปบางคนซึ่งอาจต้องอดอาหารถึง 19 ชั่วโมง (เรื่องนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตข้างหน้า แต่ในขณะนี้ ต้องถือว่าออสเตรเลียนั้นเป๊ะปังมาก)

มันโอเคหรือไม่หากจะรับประทานอาหารต่อหน้าผู้ที่อดอาหาร?

ก็ได้ แต่ก็ต้องขออภัยหากว่าจะเกิดการจ้องมองอาหารของคุณอย่างยาวนาน และอาจมีน้ำลายไหลโดยไม่ได้ตั้งใจเป็นครั้งคราว

หากว่าจู่ๆ คุณเดินไปหาเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานที่กำลังอดอาหารแล้วเขาถอยหนี นั่นเป็นผลดีต่อตัวคุณเองนะ เพราะไม่ว่าจะแปรงฟันอย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถกำจัดกลิ่นปากนั้นไปได้

แล้วทุกๆ คนจำเป็นต้องทำหรือไม่?

ไม่จำเป็น เด็กๆ ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร และผู้ที่เจ็บป่วยได้รับการยกเว้นทั้งหมด